“อลงกรณ์”ชี้ไทยมีศักยภาพเป็น”ฮับกัญชา-กัญชง”พร้อมบุกตลาดโลก 8แสนล้าน เดินหน้าประชุมสภาอุตสาหกรรมพุธนี้ “เฉลิมชัย”สั่งให้ความรู้เกษตรกรพร้อมสนับสนุนต้นน้ำถึงปลายน้ำ มอบAICทั่วประเทศร่วมขับเคลื่อน
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้(4เม.ย.)ภายหลังการบรรยายพิเศษให้กับหลักสูตรบูรณาการศักยภาพนักธุรกิจพืชเศรษฐกิจกัญชากัญชง ในหัวข้อ“ทิศทางเกษตรกรรมพืชกัญชากัญชง อาหารอนาคตพืชอนาคต
(Future Food Future Crop )กุญแจไขประตูเศรษฐกิจแห่งอนาคต”
ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พระราม3ว่าประเทศไทยมีศักยภาพเป็น”ฮับกัญชา-กัญชง”และเป็นโอกาสทองของไทยที่จะช่วงชิงตลาดกัญชาและกัญชงมูลค่า8แสนล้านบาทโดยมีอัตราการเติบโตกว่า30%ต่อปีและอีก4ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็นกว่า3ล้านล้านบาทจากการที่ประเทศต่างๆทั่วโลกซึ่งขณะนี้มีไม่น้อยกว่า68ประเทศที่เปลี่ยนนโยบายจากพืชเสพติดเป็นพืชเศรษฐกิจทำให้มีการส่งเสริมการปลูกกัญชาและกัญชงเพื่อการแพทย์และการค้าโดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆในเอเซียที่ปลดล็อคกัญชาด้วยการแก้ไขพรบ.ยาเสพติดโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ในปี2561และมีผลบังคับใช้ในปี2562ตามมาด้วยการปลดล็อคกัญชงและกระท่อมในรัฐบาลชุดนี้ ต้องขอบคุณสนช. สภาปฏิรูปทั้งสปช.และสปท. รัฐบาลชุดที่แล้วและรัฐบาลปัจจุบันที่สร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศของเรา
นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมส่งเสริมสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำใน4รูปแบบคือ เกษตรอาหาร(คนและสัตว์) เกษตรสุขภาพ เกษตรพลังงานและเกษตรท่องเที่ยวเพื่อจะสามารถใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของต้นกัญชาและกัญชง ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบนโยบายให้เร่งพัฒนาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรทางด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชาและกัญชงในทุกมิติตั้งแต่กฎหมายข้อระเบียบจนถึงสถานการณ์ตลาดและราคาทั้งในและต่างประเทศ โดยมอบหมายศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์AIC 77 จังหวัดเช่นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรานารี มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้น เป็นกลไกสนับสนุนในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ
ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.ยังให้ข้อมูลด้วยว่า ในปี2563ตลาดกัญชาโลกมีมูลค่า6แสนล้านบาท ตลาดกัญชง1.6แสนล้านและปี2562ก่อนเกิดโควิดตลาดการท่องเที่ยวสุขภาพในประเทศไทยมีมูลค่า4แสนล้านบาท หากพัฒนาโฮมสเตย์ รีสอร์ตและโรงแรมในประเทศไทยเป็นฮับสุขภาพ(Cannabis Wellness Hub)ด้วยรูปแบบผสมผสานของแพทย์แผนไทย นวดไทย สปาไทยโดยใช้กัญชาและกัญชงเป็นจุดขายเช่นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อุรุกวัย นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ จาไมก้า ก็จะสามารถช่วงชิงตลาดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมายังประเทศไทยได้ไม่ยากและเป็นการฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยรวมอีกทางหนึ่งหลังจากวิกฤติโควิดคลี่คลาย
“การพัฒนาผลผลิตและผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงตั้งแต่การผลิตและการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ การตั้งโรงงานสกัดสาร CBDและTHCจนถึงการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปของสินค้าและบริการต้องโปร่งใสเปิดกว้างต้องไม่มีการผูกขาดเพื่อให้พืชแห่งอนาคตเป็นอนาคตของทุกคนและต้องสร้างแบรนด์เมดอินไทยแลนด์เช่นตัวอย่างของเดนมาร์ก ประเทศไทยของเรามีชื่อเสียงทางด้านเกษตรอาหารและการท่องเที่ยวในระดับโลกอยู่แล้วหากต่อยอดด้วยกัญชากัญชงจะเพิ่มฐานเศรษฐกิจใหม่ให้กับเกษตรกรและทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งมือให้เร็วขึ้นให้ทันต่อโอกาสใหม่ แม้แต่ภาคเอกชนของไทยก็เดินหน้ากันเร็วมากเช่นอิชิตันจับกระแสเปิดตัวสินค้าใหม่ “อิชิตัน กรีน แลป” ในเดือนเมษายนนี้ มีสรรพคุณผ่อนคลาย และช่วยการนอนหลับ
บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) (DOD) หลังจากก่อนหน้านี้ ผู้รับซื้อกัญชง ในโครงการรับสมัครผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ของทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชงบริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาร์เอส กรุ๊ปและกลุ่มซีพีสนใจในการ แปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพรวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆได้จับมือกับพันธมิตรเร่งงานวิจัยและพัฒนาโดยได้รับงบประมาณสนับสนุนการวิจัยจากภาคเอกชนและภาครัฐกันอย่างคึกคักโดยในวันพุธที่7เมษายนนี้ตนได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารภายใต้คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมกัญชากัญชงซึ่งเป็นไปตามนโยบายเกษตรอนาคต อาหารอนาคตและโครงการ1กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรมเพื่อให้ทุกกลุ่มจังหวัดมีฐานการแปรรูปอย่างเสมอภาคทั่วทั้งประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น